22
พ.ค.
08

Do It Double Champions !!!

และแล้วแมนยูก็สามารถคว้าดับเบิลแชมป์มาครองได้สำเร็จ คุ้มกับการถ่างตาดูจนเกือบสว่าง

รูปเกมก็อย่างที่ได้เห็นกันล่ะครับ ครึ่งแรกแมนยูเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ครึ่งหลัง อัฟราม แกรนท์ กระตุ้นทีมมาดีมากๆ เชลซีกลับมาทำเกมได้เหนือกว่า เกือบได้ประตูขึ้นนำ 2 ครั้ง 2 หน แต่เสาและคานก็ช่วยเซฟไว้ได้ ส่วนแมนยูก็น่าจะได้ประตูขึ้นนำเหมือนกัน แต่ปีเตอร์ เช็ก และ จอห์น เทอร์รี่ ก็ช่วยเซฟไว้ได้เช่นกัน

ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที ช่วงนี้ทั้งคู่ก็เริ่มเกร็งๆกันแล้ว เพราะถ้าพลาดโดนยิงขึ้นมามีสิทธิ์ถึงแพ้ได้เลยทันที สุดท้ายก็เลยต้องไปดวลจุดโทษกัน

ช่วงดวลจุดโทษนี่ผมเสียวมากๆเลย ยิงกันไปฝั่งละ 2 คนเข้าทั้งหมด เสมอกันอยู่ 2-2 มาถึงคนที่ 3 ของแมนยูเป็นโรนัลโด้ ในสมองก็มีอะไรแว้บบเข้ามา “มันในเกมมันเป็นพระเอก ยิงไปแล้วลูกนึง มันจะมาเป็นผู้ร้ายตอนยิงจุดโทษป่าววะเนี่ย” สุดท้ายมันก็วิ่งยึกๆๆๆไปยิง โดนเซฟจนได้ ผมก็ปลงแล้วครับ คิดว่าจบแน่ๆ (แต่ก็ยังแอบลุ้นให้น้าซาร์ของเราเซฟได้ซักลูก) แต่จนแล้วจนรอดเสียงภาวนาของผมก็ส่งไปไม่ถึงน้าซาร์ เชลซีเล่นยิงเข้าหมดทุกคนเลย จนกระทั่งมาถึงคนสุดท้าย เห็นเทอร์รี่เดินอาดๆๆออกมา ทำท่าขยับปลอกแขนกัปตัน (กะว่าพอยิงเข้าปุ๊บ ได้แชมป์ปั๊บ กล้องมันต้องถ่ายมาจากทั่วสารทิศ จะได้เห็นปลอกแขนชัดๆ) ผมก็คิดว่าคงมาถึงฉากจบแล้วล่ะแมทช์นี้ แต่เทอร์รี่ดันมาลื่นน้ำฝนซะอย่างงั้น ยิงออกไปเฉยเลย ปลุกผีออกมาจากหลุมอีกครั้งนึง

ต้องมาลุ้นกันจนถึงหยดสุดท้ายกับการยิงจุดโทษแบบ Sudden Death
อันแดร์สันยิงเข้า คาลูก็ยิงเข้าเหมือนกัน ทีนี้แมนยูส่งกิกส์ออกมายิง (นี่ผมก็เสียวเหมือนกัน เพราะกิกส์ก็ยิงจุดโทษไม่ค่อยเก่ง) แต่กิกส์ก็สังหารไม่พลาด มาถึงเชลซี ส่งอเนลก้าออกมายิง ผมว่าหมอนี่ก็เป็นมือยิงลูกโทษคนนึงเหมือนกัน ก็คิดว่าไม่น่าพลาด ผมมองข้ามช็อตไปแล้วว่าแมนยูจะส่งใครออกมายิงหว่า เหลือแต่กองหลังแล้วมั้งเนี่ย แต่พอกล้องโคลสมาที่หน้าอเนลก้า เห็นสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี ผมก็มั่นใจเลย “เอาให้จบตรงนี้แหละ น้าซาร์จัดไป” ปรากฎว่าน้าซาร์ก็เซฟได้ขึ้นมาจริงๆ ส่งให้แมนยูคว้า “ถ้วยหูโต” มาครองได้สำเร็จ หลังจากที่ผมและเรดอาร์มี่อีกหลายล้านคนรอคอยมา 9 ปีเต็ม

man-utd-uefa-champions-league-2008

ปล.1 ที่ผมไม่ blog ตอนที่แมนยูได้แชมป์พรีเมียร์ เพราะผมถือเคล็ด กะมาบล็อกทีเดียวได้ดับเบิลแชมป์เลย
ปล.2 ชมภาพสุดประทับใจได้ที่ Getty Images

09
พ.ค.
08

Nike The Rant

วันนี้ผมมีแคมเปญโฆษณาตัวใหม่ล่าสุดของไนกี้มาฝากกันครับ พูดได้คำเดียวว่าเจ๋งมั่กๆ (ผมได้แอบดูโฆษณาตัวเต็มมาแล้วด้วย แนวสุดๆ ไม่รู้ว่าเค้าคิดได้ไง) โดยโฆษณาชิ้นนี้มีชื่อว่า “Nike The Rant”

ภาพยนตร์โฆษณาของ Nike Football เป็นเรื่องราวของคนธรรมดาๆอย่างพวกเรา ที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ได้ลงเล่นเคียงบ่าเคียงไหล่กับบรรดาซุปเปอร์สตาร์แห่งวงการฟุตบอลในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เวนย์ รูนีย์, เชส ฟาเบรกัส, โรนัลดินโญ่ และซุปเปอร์สตาร์อื่นๆอีกมากมาย โดยพวกเค้าเหล่านี้จะมาแบ่งปันประสบการณ์ และท้าให้คุณพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เพื่อก้าวไปสู่วงการฟุตบอลอาชีพเช่นเดียวกับพวกเค้า

พบกับภาพยนตร์โฆษณาตัวเต็มได้ ในวันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม นี้

ก่อนเริ่มครึ่งหลังของเกมระหว่าง แมนเชสเตอร์ซิตี้-ทีมชาติไทย ทางช่อง 9

ฉายครั้งเดียว รอบเดียว ไม่มีสลิง ไม่มีสตั้น ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดครับ

30
เม.ย.
08

เข้าชิงแล้วววววววววว

และแล้วแมนยูของผมก็ทำสำเร็จ

พอล สโคลส์ ที่เมื่อปี 1999 ติดโทษแบน ไม่สามารถลงช่วยทีมในนัดชิงได้ วันนี้เป็นฮีโร่ซัดประตูชัยสุดสวย นำแมนยูเหินฟ้าไปรัสเซียได้สำเร็จ

Glory Glory Man UTD. 😀

09
ก.พ.
08

Coming Soon

ไม่ได้เข้าเน็ต
ไม่ได้เขียนบล็อก
ไม่ได้แตะคอม
ไม่ได้ดูแมนยู

ร่วมๆ 2 เดือนกว่าๆเห็นจะได้

แทบจะลงแดงตายเลยครับพี่น้อง

เนื่องจากว่าผมเปลี่ยนงานใหม่ และการเปลี่ยนครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนสายงานไปเลยด้วย ก็เลยทุ่มเทให้กับงานสุดๆ ทิ้งการหาเงินทางเน็ตไปเลย แต่หลังจากนี้ไป น่าจะเริ่มมีเวลาว่างมากขึ้น ( แต่ก็ยังไม่มีเวลาดูบอลอยู่ดี 😦 )

โปรเจคหาเงินทางเน็ตกำลังถูกรื้อกลับมาปัดฝุ่นกันอีกครั้ง

วันนี้แวะมาทักทาย เพื่อบอกให้รู้ว่าผมยังไม่ตาย

I’m coming back.

22
พ.ย.
07

อังกฤษแพ้คาบ้าน ตกรอบคัดเลือกยูโร 2008

หลังจากที่ยืมมืออิสราเอลช่วยสอยรัสเซียไป 2-1 ประตูสู่ออสเตรีย-สวิสเซอร์แลนด์ของอังกฤษ เปิดกว้างขึ้นมาทันที เพราะเพียงแค่ยันเสมอโครเอเชียในบ้านได้ ก็จะลอยลำเข้ารอบสุดท้ายยูโร 2008 ในปีหน้าทันทีโดยไม่ต้องรอดูผลคู่รัสเซีย

นัดนี้ สตีฟ แม็คคลาเรน ปรับทีมเยอะพอสมควร ใช้ระบบ 4-5-1 โดยให้สก็อตต์ คาร์สัน ลงเล่นเป็นตัวจริงแทน พอล โรบินสัน กองหลังมี ไมก้าห์ ริชาร์ด, โซล แคมพ์เบลล์, โจลีน เลสคอตต์, เวนย์ บริดจ์ ส่วนกองกลางมี ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แกเร็ธ แบร์รี่, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, โจ โคล โดยใช้ ปีเตอร์ เคร้าช์ ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าเพียงคนเดียว

วันนี้มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สภาพสนามในนิวเวมบลีย์ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพียงแค่นาทีที่ 9 แฟนบอลอังกฤษก็ช็อกกันทั้งสนาม เมื่อ นิโก้ ครันจ์ชาร์ ยิงไกลจากนอกเขตโทษ คาร์สันกะจังหวะบอลพลาด บอลพุ่งลงพื้นแล้วแฉลบแขนคาร์สันเข้าประตูไป โครเอเชียขึ้นนำอังกฤษ 1-0 อย่างรวดเร็ว

หลังจากเสียประตูไปอังกฤษก็ทำเกมบุกอย่างหนัก แต่ในขณะที่บุกอยู่เพลินๆ นาทีที่ 14 โครเอเชียได้บอลบุกสวนมาหน้าประตู เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา แทงบอลทะลุแผงกองหลังของอังกฤษให้ อิวิก้า โอลิช หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปแตะบอลหลบคาร์สัน แปเข้าประตูไปอย่างง่ายดาย โครเอเชียนำ 2-0

หลังจากโดนนำไปถึง 2-0 อังกฤษพยายามตั้งเกมบุก แต่ว่าโครเอเชียลงไปตั้งรับลึกในแดนของตัวเอง แล้วให้กองกลางวิ่งไล่บอลบีบพื้นที่ อังกฤษก็เลยทำอะไรได้ไม่ถนัด หมดครึ่งแรกอังกฤษตามหลังอยู่ 0-2

เริ่มครึ่งหลังมา แม็คคลาเรนเปลี่ยนตัวทีเดียว 2 คนรวด โดยส่ง เดวิด เบ็คแฮม ลงมาแทน ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ และถอด แกเร็ธ แบร์รี่ออก ส่ง เจอร์เมน เดโฟ ลงมาเป็นกองหน้าเพิ่มอีกคน

พอเบ็คแฮมลงมา และปรับระบบการเล่นเป็น 4-4-2 เกมของอังกฤษเริ่มดูดีขึ้น นาทีที่ 56 โจ โคล เปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ เดโฟถูกกองหลังโครเอเชียดึงล้มลง ผู้ตัดสินให้เป็นลูกจุดโทษ แฟร้งค์ แลมพาร์ด สังหารไม่พลาด อังกฤษตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-2

นาทีที่ 64 แฟนๆในนิวเวมบลีย์ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อมิดฟิลด์เท้าชั่งทองแผลงฤทธิ์ เดวิด เบ็คแฮม เปิดบอลจากทางขวา บอลลอยข้ามหัวกองหลัง ปีเตอร์ เคร้าช์ ใช้อกพักบอลลงแล้วเอี้ยวตัววอลเลย์เข้าไปตุงตาข่าย อังกฤษตีเสมอเป็น 2-2 หนทางเข้ารอบสดใสขึ้นมาอีกครั้ง

แต่พอได้ประตูตีเสมอ อังกฤษกลับผ่อนเกมลงดื้อๆ ปล่อยให้โครเอเชียได้เล่นบอลง่ายๆ นาทีที่ 77 แฟนบอลทั้งสนามก็เงียบกริบ เมื่อ มลาเดน เปทริซ ที่พึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมา ยิงไกลจากนอกกรอบ บอลพุ่งผ่านมือคาร์สันเข้าประตูไปอย่างสวยงาม โครเอเชียขึ้นนำ 3-2

เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย แม็คคลาเรนถอด โจ โคล ออก แล้วส่ง ดาร์เรน เบนท์ ลงมาเป็นกองหน้าเพิ่มอีกคน แล้วก็เกือบตีเสมอได้สำเร็จ แต่ลูกยิงของเบนท์ข้ามคานไปนิดเดียว หลังจากนั้นอังกฤษก็ทำอะไรไม่ได้ ครบ 90 นาที โครเอเชียบุกมาอัดอังกฤษคาเวมบลีย์ 3-2 กระชากตั๋วยูโรรอบสุดท้ายที่อยู่ในกำมือของอังกฤษแล้วแท้ๆ ไปมอบให้กับรัสเซียที่บุกไปชนะอันดอร์ร่าหวุดหวิด 1-0 หน้าตาเฉย

คงไม่ต้องสงสัยนะครับ ถ้าวันนี้จะมีข่าวชายที่ชื่อแม็คคลาเรนตกงาน

ไม่รู้จะโทษอะไรดี โทษแก๊สโซฮอลละกัน 😦

21
พ.ย.
07

[News] ชลบุรีผงาด คว้าแชมป์ไทยแลนด์ลีก

วันนี้ “ฉลามชล” สโมสรชลบุรี ลงแข่งนัดรองสุดท้ายของไทยแลนด์ลีก โดนต้องมาตัดสินแชมป์กับรองจ่าฝูง สโมสรธนาคารกรุงไทย

ท่ามกลางกองเชียร์ชาวชลบุรีที่เข้ามาเชียร์กันแน่นสนาม สุดท้าย ชลบุรีเฉือนเอาชนะกรุงไทยไปได้อย่างสุดมัน 3-2

สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการฟุตบอลไทย โดยเป็นสโมสรจากต่างจังหวัดเป็นทีมแรกที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลไทยแลนด์ลีกได้สำเร็จ

นี่ก็แสดงให้เห็นว่า เราควรสร้างลีกของเราโดยใช้ทีมจังหวัดเป็นแกนได้แล้ว ตอนนี้มาตรฐานของทีมจังหวัด สามารถสู้ทีมของเอกชนได้สบายๆ ถ้าผู้บริหารทีมมีวิสัยทัศน์ มีความรักในฟุตบอลและสโมสร ทีมจากภูธรก็สามารถเป็นแชมป์ได้ครับ 😀

18
พ.ย.
07

อังกฤษดวงแข็ง

หลังจากที่อังกฤษบุกไปแพ้ต่อรัสเซีย 1-2 เส้นทางการผ่านเข้ารอบสุดท้ายยูโร 2008 แทบจะปิดฉากลงทันที อาการเหมือนสิงโตป่วย ใกล้จะสิ้นลมอยู่รอมร่อ มีเพียงยาวิเศษเท่านั้นที่จะช่วยรักษาชีวิตไว้ได้

ยาวิเศษนั้นก็คือ ต้องให้อิสราเอลไม่แพ้ต่อรัสเซีย หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น ต้องเก็บรัสเซียให้ได้ด้วย

แล้วอิสราเอลก็ไม่ทำให้กองเชียร์อังกฤษต้องผิดหวัง จัดการสอยหมีขาวร่วงไป 2-1 โดยประตูชัยของอิสราเอล ได้มาในช่วงทดเวลาบาดเจ็บอีกต่างหาก สร้างความบอบช้ำให้ กุส ฮิดดิ้งค์ไม่น้อย

สถานการณ์ของอังกฤษตอนนี้ เพียงแค่เปิดเวมบลีย์ ยันเสมอโครเอเชียได้ ก็จะลอยลำเข้ารอบทันที หรือถ้าเกิดผีเข้า เอาชนะโครเอเชียเกิน 2 ประตูขึ้นไป ก็จะเข้ารอบในฐานะที่ 1 ของกลุ่ม E อีกต่างหาก

อะไรมันจะดวงแข็งปานนั้น สตีฟ แม็คคลาเรน

15
พ.ย.
07

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กีฬาหรือการเมือง?

EPL Mania
By RedHooligan

ผมคิดอยู่นานว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีรึป่าว ใจก็กลัวว่า “กุจะโดนด่ามั้ยเนี่ย” แต่เอาก็เอาวะ เห็นแล้วมันขัดลูกหูลูกตา

วันนี้ (15 พฤศจิกายน 2550) สเวน โกรัน อีริคส์สัน พร้อมด้วยแบ็กชาวจีน ซุน จี ไห่ เดินทางมายังประเทศไทย

มีข่าวออกมาหลายกระแสด้วยกัน ข่าวหลักๆเลยก็คือ อีริคส์สันจะมาเซ็นสัญญากับ สุรีย์ สุขะ แบ็กขวาสังกัดสโมสรชลบุรีและทีมชาติไทย โดยสุรีย์จะได้รับค่าเหนื่อยประมาณ 10,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

บางข่าวก็บอกว่าจะมาเซ็นสัญญากับนักเตะไทย 3 คนเลย ทั้ง สุรีย์ สุขะ, เกียรติประวุฒิ สายแวว และ ธีรศิลป์ แดงดา  โดยสุรีย์จะได้ใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ในเดือนมกราคมปีหน้า ส่วนอีก 2 คนจะลงเล่นในทีมสำรองไปก่อน หรืออาจไปเล่นในลีกเบลเยี่ยม หรือ สวิตเซอร์แลนด์

อีกกระแสก็บอกว่า อีริคส์สันเดินทางมาเพื่อเปิดอะคาเดมี่สอนฟุตบอลของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในประเทศไทยและจีนเท่านั้น

แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ข่าวนี้ก็ยึดพื้นที่ข่าวกีฬาของทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ ของไทยมาได้ระยะนึงแล้ว

ข่าวจะไม่ดังมากขนาดนี้ ถ้าประธานสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯของไทย ที่ตอนนี้หลบมรสุมทางการเมืองอยู่ที่ประเทศอังกฤษ

ฝ่ายที่ไม่ค่อยชอบ ก็บอกว่า งานนี้นักเตะไทยตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองซะแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าเซ็นสัญญาไปแล้ว จะเป็นผลดีต่อวงการฟุตบอลไทยจริงรึเปล่า อาจจะไปนั่งรับเงินเดือนอยู่ที่ม้านั่งสำรองโดยไม่ได้มีโอกาสลงเล่น หรืออาจจะได้ลงมาเหยียบสนามหญ้านิดหน่อยพอให้เป็นบุญเท้า แล้วก็ถือว่าคนไทยได้ไปพรีเมียร์ลีกแล้ว

หลายคนบอกว่า อดีตนายกฯได้เสนอหน้ามายังประเทศไทย ผ่านการถ่ายทอดสดทุกนัดที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ลงแข่ง ฟรีๆ ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไร แถมยังได้เงินค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดอีกต่างหาก เมื่อรวมกับข่าวการเซ็นสัญญากับนักเตะไทยแล้ว งานนี้เป็นเพียงศึกแย่งชิงพื้นที่ข่าวแข่งกับคณะผู้มีอำนาจในไทยเท่านั้น ไม่มีอะไรในกอไผ่

ส่วนฝ่ายสนับสนุนก็บอกว่า พณฯท่าน ตั้งใจอยากพัฒนาวงการฟุตบอลของไทยจริงๆ ต้องการยกระดับให้ไทยก้าวขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆของเอเชีย โดยเปิดโอกาสให้นักเตะไทย ได้ไปสัมผัสกับฟุตบอลอาชีพของจริงระดับโลก ไม่ได้มีการเมืองแอบแฝงด้วยแต่อย่างใด

ตัวผมเอง ไม่สามารถล่วงรู้ได้หรอกครับว่าเจตนาที่แท้จริงของท่านเป็นอย่างไร แต่ในความรู้สึกของคนดูกีฬาแล้ว อยากให้กีฬาเป็นกีฬา ไม่อยากให้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลยจริงๆ ให้ตายสิ !!!

12
พ.ย.
07

แมนยูขึ้นนำชั่วคราว, เชลซีสะดุด, หงส์คืนฟอร์ม

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีบอลมันส์ๆให้ดูกันเต็มอิ่มเช่นเคย ในยุคที่ฟุตบอลเป็นธุรกิจเต็มตัว มีผลประโยชน์มหาศาลจากการถ่ายทอดการแข่งขัน จึงมีการจัดคิวแข่งให้มีช่วงเวลาที่สามารถถ่ายทอดได้เยอะๆ โดนเริ่มตั้งแต่หัวค่ำ ทุ่มกว่าๆ เรื่อยไปจนถึงคู่สุดท้ายประมาณตีสาม ใครที่ติดเคเบิ้ลก็ชมกันเต็มคราบเลย

เกมในวันเสาร์ ลิเวอร์พูลที่พึ่งทำสถิติใหม่ในแชมป์เปี้ยนส์ลีกมา กำลังหึกเหิม แล้วก็เก็บชัยชนะเหนือฟูแล่มไปได้ 2-0

รูปเกมนั้นลิเวอร์พูลเหนือกว่าอย่างเก็นได้ชัด ฟูแล่มใช้การตั้งรับเหนียวแน่น แล้วให้มิดฟิลด์ช่วยไล่บอล แต่ว่าก็สู้มิดฟิลด์ของลิเวอร์พูลไม่ได้ โดนดาหน้าเข้าทำประตูอยู่ฝ่ายเดียว แต่ฟูแล่มก็ต้านไว้ได้ จนกระทั่งท้ายเกมโดนทีเด็ดของตอร์เรสเข้าไป เลยต้องแพ้ไปอย่างน่าเจ็บใจ

มากันที่วันอาทิตย์ เชลซีขนผู้เล่นฟูลทีมพบกับเอฟเวอร์ตัน ที่ได้ทิม เคฮิลล์ หายเจ็บกลับมาช่วยทีม โดยเชลซีนำไปก่อนจากดร็อกบาคนเดิม แล้วก็เร่งเครื่องจะบดเอาประตูที่สองให้ได้ แต่มาเจอลูกยิงทีเด็ดของเคฮิลล์ ที่กระโดดฟาดกลางอากาศเหมือนนักตะกร้อไทยไม่มีผิด บอลเข้าไปตุงตาข่าย คูดิชินี่หมดสิทธิ์เซฟ พอยิงเข้าไป เจ้าหมอนี่ก็วิ่งไปรัวหมัดแบบนักมวยทันที (วันเดียว เล่นไป 3 กีฬา :D) จบเกมเชลซีก็เลยเสมอไปแบบน่าเจ็บใจ 1-1

ทางด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขนผู้เล่นชุดใหญ่ต้อนรับการมาเยือนของแบล็กเบิร์น ขาดไปเพียงเวนย์ รูนี่ย์ ที่บาดเจ็บตอนฝึกซ้อม ต้องพักอย่างน้อย 1 เดือน นัดนี้แบล็กเบิร์นใช้จุดเด่นคือความดุดันในแดนกลางเข้ามาบดแมนยู แต่พอเล่นไปได้ซักพัก กลางของแมนยูก็เริ่มคุมเกมได้มากกว่า

แบล็กเบิร์นเกือบได้ประตูขึ้นนำแมนยูไปก่อน แต่ลูกยิงของแซมบ้า ชนสามเหลี่ยมไปเต็มๆ พอไๆม่ได้ประตูขึ้นนำ แบล็กเบิร์นก็โดนสำเร็จโทษโดยโรนัลโด้ ที่โหม่งลูกเตะมุมเข้าไป ถัดมาแค่นาทีเดียว โรนัลโด้ก็บวกลูกที่สองให้แมนยูนำห่างเป็น 2-0

แบล็กเบิร์นพยายามทวงประตูคืนแต่สถานการณ์ก็แย่หนักเข้าไปอีก เมื่อเดวิด ดันน์ มาโดนใบเหลืองที่สอง แบล็กเบิร์นที่เหลือ 10 คนเลยสู้แมนยูไม่ไหว จบเกมแมนยูชนะไป 2-0  ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงชั่วคราว แต้มนำอาเซนอลอยู่ 3 แต็ม แต่แข่งมากกว่าถึง 2 นัด

คืนนี้อาเซนอลจะไปเยือนเรดดิ้ง ถ้าชนะห่าง 2 ลูก อาเซนอลจะกลับมานำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง

08
พ.ย.
07

21 ปี เฟอร์กี้

ELP Mania
By RedHoligan

6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำงานในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ครบ 21 ปีพอดี

ไม่น่าเชื่อว่าเฟอร์กี้จะสามารถคุมทีมชั้นนำ ในลีกที่มีความนิยมสูงที่สุดในโลกได้เป็นระยะเวลายาวนานถึง 2 ทศวรรษ

ไม่น่าเชื่อว่าในยุคที่ฟุตบอลเป็นธุรกิจเต็มตัว และอายุเฉลี่ยของผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีกน้อยเอามากๆ เฟอร์กี้กลับสามารถยึดเก้าอี้อย่างเหนียวแน่นไว้ได้ถึง 21 ปี และไม่มีทีท่าว่าจะยอมลงจากเก้าอี้ง่ายๆเสียด้วย

ตลอด 21 ปี ที่ผ่านมา เฟอร์กี้คว้าแชมป์มานับไม่ถ้วน เกือบครบทุกรายการที่มีการแข่งขันในระดับสโมสร รวมไปถึงเกียรติยศส่วนตัวอีกมากมาย

พรีเมียร์ชิพ 9 สมัย
เอฟเอ คัพ 5 สมัย
ลีกคัพ 2 สมัย
แชริตี้ ชิลด์ หรือ คอมมูนิตี้ ชิลด์ ในปัจจุบัน 7 สมัย

ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย
ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย
ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 1 สมัย
อินเตอร์เนชั่นแนล คัพ 1 สมัย

จนถึงปัจจุบัน เฟอร์กี้คุมแมนยูลงสนามไปแล้วถึง 1,171 นัด (นับที่ชนะดินาโมเคียฟ 4-0 แล้ว)
เก็บชัยชนะไปได้ 675 นัด เสมอ 216 นัด และแพ้ไปทั้งสิ้น 280 นัด

Happy Aniversary, Fergie.

05
พ.ย.
07

อาเซนอล-แมนยู กินกันไม่ลง

ผ่านไปแล้วครับ กับฟุตบอลคู่หยุดโลกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อาเซนอลเปิดบ้านเจ๊ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปแบบสนุก 2-2

อาเซนอลเป็นฝ่ายครองเกมบุกเข้าหาแมนยู ต่อบอล ทำชิ่ง นักเตะทุกคนเคลื่อนไหวหาพื้นที่ตลอดเวลา จ่ายบอลสั้นๆ เล่นบอลกับพื้น บอลถูกถ่ายจากเท้าสู่เท้า เมื่อจ่ายบอลออกจากตัวไปแล้ว ก็วิ่งหาช่องเพื่อที่จะไปรับบอลจากเพื่อน เรียกได้ว่าเป็นศิลปะเลยครับ ดูแล้วเนียนตามาก

ส่วนแมนยูก็ลงไปตั้งรับคุมโซนอยู่หน้ากรอบเขตโทษ แนวรับเล่นอย่างรัดกุม คุมพื้นที่ของตัวเองอย่างเหนียวแน่น กองกลางไล่บอล บีบพื้นที่ ไม่ให้อาเซนอลจ่ายบอลได้สะดวก แล้วคอยอาศัยความจัดจ้านของแนวรุก รูนี่ย์-เตเวซ-โรนัลโด้ ใช้เกมโต้กลับทะลุทะลวงเข้าทำประตู

2 ประตูที่ได้มาของแมนยู แสดงให้เห็นถึงความเฉียบคม โอกาสมีไม่มาก แต่เมื่อมีโอกาสแล้ว สามารถเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูได้

2 ประตูที่ได้มาของอาเซนอล มาจากความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ ทีมเวิร์กอันยอดเยี่ยมกดดันให้แนวรับแมนยูที่อาวุโสกว่าสติแตก เสียประตูตีเสมอถึง 2 ครั้ง 2 ครา

จุดอ่อนของอาเซนอลคือผู้รักษาประตู อัลมูเนียแสดงความตื่นเต้นให้เห็นอยู่หลายจังหวะ ประตูที่ 2 ที่เสียก็มาจากการตัดสินใจที่ไม่เด็ดขาดของเค้า

จุดอ่อนของแมนยูก็คือสมาธิ ช่วง 2 นาทีที่ทดเวลาบาดเจ็บ และทีมนำอยู่ 2-1 ชัยชนะอยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว แต่สุดท้ายเสียสมาธิในเกม ปล่อยแต้มหลุดจากมือไป 2 แต้ม

สรุปแล้ว กินกันไม่ลงจริงๆครับ

ทั้ง 2 ทีม มีจุดเด่นที่คู่ต่อสู้ต่างยำเกรง แต่ก็ยังมีจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดอยู่

12 เมษายน 2551 อาเซนอลจะต้องเป็นฝ่ายบุกไปเยือนแมนยูที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดบ้าง ถึงวันนั้นถ้าทั้งคู่ยังสามารถคงความสม่ำเสมอไว้ได้อยู่ มันจะเป็นเกมตัดสินแชมป์ระดับ 6 ดาวเลยทีเดียวครับ

02
พ.ย.
07

โหมโรง อาเซนอล-แมนยู

EPL Mania
By RedHooligan

ศึกพรีเมียร์ลีกวันเสาร์นี้ เรียกได้ว่าเป็นคู่หยุดโลกก็ว่าได้ครับ เมื่อทีมที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุดในชั่วโมงนี้ 2 ทีม โคจรมาพบกัน ถูกที่ถูกเวลา

ทั้ง 2 ทีมมี 26 คะแนนเท่ากัน ผลต่างประตูได้เสีย 15 ประตูเท่ากัน

อาเซนอล ทีมเด็กสร้างบ้านที่ใครหลายๆคนดูถูกไว้ในช่วงต้นฤดูกาล อย่าว่าแต่จะได้สัมผัสแชมป์เลย แค่เอาตัวรอดไปลุยแชมเปี้ยนส์ลีกให้ได้ก็บุญโขแล้ว แต่พอผ่านไป 1 ใน 4 ของฤดูกาล เด็กๆของเวนเกอร์กลับผงาดนำเป็นจ่าฝูง ทำเอาใครหลายคนหน้าแตกยับไม่มีชิ้นดี (รวมทั้งผมด้วย :D)

ตัวจักรสำคัญของอาเซนอลชุดนี้คือพลังการขับเคลื่อนเกมในแดนกลางของ เชส ฟาเบรกัส นั่นเอง

มิดฟิลด์ทีมชาติสเปนคนนี้มีอนาคตไกลมากๆครับ การจ่ายบอลคม การเคลื่อนที่ หาตำแหน่ง ทำได้ดีมาก และที่พัฒนาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจนในปีนี้ก็คือการยิงประตู โดยเจ้าหนูเชสยิงไปแล้ว 5 ประตู (เฉพาะในพรีเมียร์ลีก)

อีกคนนึงที่เล่นได้ดีมากในปีนี้ก็คือ อเล็กซานเดอร์ คเล็บ (ทำไมถึงออกเสียงว่าคเล็บแทนที่จะเป็นฮเล็บ แฟนปืนช่วยบอกผมที)

ยังมีอีกหลายหน่อ ทั้งอเดบายอร์, ฟลามินี่ (หมอนี่ทำเอากัปตันทีมปีที่แล้วอย่างจิลแบร์โต้หลุดออกจากทีมไปเลย), ซาญ่า, กลิชี่

และที่อันตรายที่สุดในเวลานี้ก็คือ เด็กเหล่านี้เล่นเข้ากับระบบที่โครตกุนซือวางมาได้เป็นอย่างดี การต่อบอลจากเท้าสู่เท้า การเคลื่อนที่ และการเข้าทำประตู เรียกได้ว่า สุดยอดครับ

ทางด้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากที่ออกอาการเป๋ในช่วงต้นฤดูกาล จนแฟนผีไม่กล้าออกไปไหน กลัวเจอเพื่อนทัก (ฮา) มาถึงตอนนี้ กลับเข้าสู่เส้นทางการลุ้นแชมป์เต็มตัวแล้วครับ

คู่กองหน้ามหาประลัย เวนย์ รูนี่ย์ และ คาลอส เตเวซ ที่ใครหลายๆคนไม่คิดว่า กองหน้าสไตล์เดียวกันจะสามารถเล่นด้วยกันได้ ทั้งคู่ชอบลงมาล้วงบอลในแดนตัวเอง ชอบฉีกตัวเองออกไปเล่นด้านข้างบ่อยๆ รวมถึงยังชอบเลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้เหมือนกันอีกด้วย แต่ว่าเรื่องเหล่านี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงของป๋าเฟอร์กี้แน่นอน ถึงตอนนี้ก็พิสูจน์ให้หลายคนเห็นแล้วว่า ทั้งคู่ไม่ได้เล่นเข้ากันได้เฉยๆเท่านั้น แต่ว่าเป็นคู่ที่เรียกได้ว่า โค-ตะ-ระ อันตราย ขนาด ลีโอเนล เมสซี่ ที่ตอนนี้ลากเลื้อยอยู่ที่บาเซโลน่า ยังออกมาชมข้ามประเทศ

จุดเด่นอีกข้อนึงของแมนยูก็คือเกมรับครับ ในปีนี้แมนยูไม่มีการเสริมทีมในเกมรับเลย นอกจากการได้ปิเก้กลับมาจากการยืมตัว นอกนั้นเป็นชุดเดิมๆจากเมื่อปีที่แล้ว (แถมยังเสียไฮน์เซ่ไปให้กับมาดริดอีกด้วย) แต่ในยามที่ทีมคับขัน กองหลังเกิดเจ็บขึ้นมาพร้อมๆกัน ก็ได้แจ้งเกิดดาวรุ่งดวงใหม่อย่างดาร์เรน ซิมป์สัน ขึ้นมาอีกคน โดยฤดูกาลนี้แมนยูพึ่งเสียประตูในลีกไปเพียง 4 ประตูเท่านั้น

นอกจากนี้นักเตะที่ทุ่มซื้อมาใหม่ทั้ง 3 คนอย่างฮาร์กรีฟ, นานี่ และ อันแดร์สัน ก็เริ่มปรับตัวเข้ากับทีมได้แล้ว และกำลังเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ

จากที่ผมสาธยายลากแม่น้ำทั้ง 5 มาทั้งหมด พูดได้คำเดียวครับว่า พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิ เวลาทุ่มสี่สิบห้า

ชมและเชียร์ให้สนุกครับ !!!

30
ต.ค.
07

เชลซีจมเรือใบครึ่งโหล, แมนยู 4-1, หงส์ปืน 1-1

พรีเมียร์ลีกอาทิตย์ที่ผ่านมาถือว่าเป็นอาทิตย์ที่สนุกมากอาทิตย์นึงเลยครับ

เชลซีในยุคของอัฟราม แกรนท์ โดยมี เฮงค์ เทน ทาท เป็นผู้ช่วย เริ่มเล่นเกมรุกเอนเตอร์เทน ในแบบที่อับบราโมวิชอยากเห็นแล้ว โดยถล่มแมนเชสเตอร์ซิตี้ไปถึง 6-0 เล่นเอาอดีตนายกที่ไปนั่งชมเกมนี้ด้วยทำหน้าบอกบุญไม่รับเลยทีเดียว

ทางด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่น้อยหน้า ถึงแม้ช่วงต้นเกมจะทำเอากองเชียร์นั่งไม่ติดก็ตาม แต่ด้วยการประสานงานของคู่กองหน้า ที่ตอนนี้ยกให้เป็นคู่กองหน้าอันดับหนึ่งของลีก ทำให้เอาชนะเดอะ โบ่โร่ ที่เคยเป็นของแสลงของแมนยูไปได้ 4-1 (ขอบอกว่าเตฟ-รูน สุดยอดจริงๆครับ)

มาถึงคู่บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ ลิเวอร์พูลพบกับอาเซนอล จบเกมเสมอกันไป 1-1 แต่ว่ารูปเกมที่ออกมานั้น ผมว่าลิเวอร์พูลน่าจะแพ้ไปซัก 3-1 หลังจากที่ได้ประตูขึ้นนำจากเจอร์ราดแล้ว เกมของลิเวอร์พูลสู้อาเซนอลไม่ได้เลย โดนเด็กๆของเวนเกอร์ทำเกมรุกอยู่ข้างเดียว ส่วนลิเวอร์พูลต้องเป็นฝ่ายไล่บอลอย่างเดียว พอตัดบอลมาได้ เกมสวนกลับก็โดนอาเซนอลดักไว้ได้หมด ทำอะไรไม่ได้เลย

หลังจบเกมนี้ ลิเวอร์พูลบาดเจ็บอย่างหนัก ตอร์เรสและอลองโซ่ที่พึ่งหายกลับมาลงเล่นก็เกิดบาดเจ็บซ้ำขึ้นมาอีก แล้วมาสเคราโน่ก็บาดเจ็บเพิ่มขึ้นมาอีกคน

ปีนี้ใครเชียร์หงส์ก็ลุ้นกันเหนื่อยหน่อยครับ ผลงานทั้งในลีกและยุโรปย่ำแย่พอกันทั้งคู่

27
ต.ค.
07

[News] มาร์ติน โยล ไปซะแล้ว

เป็นไปตามคาดของใครหลายๆคนครับ ในที่สุดบอร์ดบริหารของสเปอร์ก็สั่งปลด มาร์ติน โยล ไปแล้วเรียบร้อย

ตอนแรกมีการคาดการณ์ว่าจะรอดูถึงเกมพรีเมียร์ลีกในวันเสาร์นี้ ที่สเปอร์จะพบกับแบล็กเบิร์น แต่ว่าเกมยูฟ่าคัพดันมาแพ้คาบ้านอีก ก็เลยโดนเด้งหลังจบเกมซะเลย

ในช่วงต้นฤดูกาลไม่มีใครคาดว่าโยลจะต้องมีวันนี้ เพราะว่าผลงานในฤดูกาลก่อนดีเยี่ยม แล้วสโมสรมีการซื้อนักเตะใหม่เข้ามาเสริมทีมอีกหลายคน โดยคาดกันว่าปีนี้โยลมีลุ้นพาสเปอร์ไปเล่นแชมป์เปี้ยนส์ลีกด้วยซ้ำ

ล่าสุดสื่อหลายสำนักประโคมข่าวว่าสเปอร์สนใจที่จะดึง ฆวนเด้ รามอส กุนซือของเซบีญ่า ที่เหลือสัญญาคุมทีมถึงสิ้นฤดูกาล 2007-2008 มาคุมทีมแทนโยล รวมทั้งยังมี มาร์ค ฮิวจ์ส ที่คุมแบล็กเบิร์น เป็นแคนดิเดตอีกหนึ่งราย

25
ต.ค.
07

ไข้หวัดหงส์

EPL Mania
By RedHooligan

ยังคงเส้นคงวาอย่างต่อเนื่องนะครับ สำหรับฟอร์มการเล่นของหงส์แดงตะแคงฟ้า ลิเวอร์พูล

นอกจากการโรเทชั่นที่ขวางหูขวางตาเดอะค็อปแล้ว ฟอร์มของนักเตะตอนนี้เป็นปัญหาอย่างมาก

กองหลังไม่เหนียวแน่นเหมือนเคย อาจเป็นเพราะการเสียแอกเกอร์ไปแล้วฮูเปียที่เข้ามาแทนก็ดันมาดวงกุดเอาพอดีซะอีก 2 นัดหลังสุดดันเป็นคนส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายตัวเองอีก เอาเข้าไป

ส่วนกองหน้าก็ปืนฝืดกันหมด ช่วงหลังๆลีลากันเหลือเกิน จังหวะที่ควรยิงก็ไม่ยิง ล็อกหลบ จ่ายให้เพื่อน สุดท้ายก็แป็ก ยิงไม่เข้า

การตัดสินใจของราฟาช่วงหลังๆก็สร้างความประหลาดใจไปตามๆกัน มีการสับขาหลอกรายชื่อผู้เล่นหลายครั้ง ตอนส่งรายชื่อรอบแรกอย่างนึง แต่พอเล่นจริง กลับจัดทีมอีกอย่างนึงลงเล่น เพื่อสับขาหลอกทีมตรงข้ามให้รับมือไม่ถูก (แต่ทีมตัวเองงงซะเอง)

และล่าสุด ก็มาเกิดอาการระหองระแหงกับเจอร์ราด ขวัญใจมหาชนเข้าซะอีก เกมกับเอฟเวอร์ตัน ในช่วงที่ทีมกำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ราฟากล้าที่จะเปลี่ยนเอาเจอร์ราดออกจากทีม ซึ่งแน่นอน เจอร์ราดก็ฉุนมิใช่น้อย แต่ก็ยังมีความเป็นมืออาชีพพอที่จะไม่แสดงอาการอะไรออกมามาก

สุดสัปดาห์นี้ ลิเวอร์พูลมีศึกหนักรออยู่ เมื่อต้องเปิดแอนฟิลด์รับการมาเยือนของจ่าฝูงที่ฟอร์มกำลังร้อนแรง

วันอาทิตย์นี้ ผมในฐานะแฟนผีขอแฝงตัวเป็นเดอะค็อปชั่วคราวครับ 😀




เมษายน 2024
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930  

Categories

RSS Soccer News

  • มีความผิดพลาดเกิดขึ้น feed อาจใช้งานไม่ได้ชั่วคราว ลองใหม่อีกครั้งภายหลัง