Archive for the 'After Match' Category

22
พ.ย.
07

อังกฤษแพ้คาบ้าน ตกรอบคัดเลือกยูโร 2008

หลังจากที่ยืมมืออิสราเอลช่วยสอยรัสเซียไป 2-1 ประตูสู่ออสเตรีย-สวิสเซอร์แลนด์ของอังกฤษ เปิดกว้างขึ้นมาทันที เพราะเพียงแค่ยันเสมอโครเอเชียในบ้านได้ ก็จะลอยลำเข้ารอบสุดท้ายยูโร 2008 ในปีหน้าทันทีโดยไม่ต้องรอดูผลคู่รัสเซีย

นัดนี้ สตีฟ แม็คคลาเรน ปรับทีมเยอะพอสมควร ใช้ระบบ 4-5-1 โดยให้สก็อตต์ คาร์สัน ลงเล่นเป็นตัวจริงแทน พอล โรบินสัน กองหลังมี ไมก้าห์ ริชาร์ด, โซล แคมพ์เบลล์, โจลีน เลสคอตต์, เวนย์ บริดจ์ ส่วนกองกลางมี ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แกเร็ธ แบร์รี่, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, โจ โคล โดยใช้ ปีเตอร์ เคร้าช์ ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าเพียงคนเดียว

วันนี้มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สภาพสนามในนิวเวมบลีย์ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพียงแค่นาทีที่ 9 แฟนบอลอังกฤษก็ช็อกกันทั้งสนาม เมื่อ นิโก้ ครันจ์ชาร์ ยิงไกลจากนอกเขตโทษ คาร์สันกะจังหวะบอลพลาด บอลพุ่งลงพื้นแล้วแฉลบแขนคาร์สันเข้าประตูไป โครเอเชียขึ้นนำอังกฤษ 1-0 อย่างรวดเร็ว

หลังจากเสียประตูไปอังกฤษก็ทำเกมบุกอย่างหนัก แต่ในขณะที่บุกอยู่เพลินๆ นาทีที่ 14 โครเอเชียได้บอลบุกสวนมาหน้าประตู เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา แทงบอลทะลุแผงกองหลังของอังกฤษให้ อิวิก้า โอลิช หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปแตะบอลหลบคาร์สัน แปเข้าประตูไปอย่างง่ายดาย โครเอเชียนำ 2-0

หลังจากโดนนำไปถึง 2-0 อังกฤษพยายามตั้งเกมบุก แต่ว่าโครเอเชียลงไปตั้งรับลึกในแดนของตัวเอง แล้วให้กองกลางวิ่งไล่บอลบีบพื้นที่ อังกฤษก็เลยทำอะไรได้ไม่ถนัด หมดครึ่งแรกอังกฤษตามหลังอยู่ 0-2

เริ่มครึ่งหลังมา แม็คคลาเรนเปลี่ยนตัวทีเดียว 2 คนรวด โดยส่ง เดวิด เบ็คแฮม ลงมาแทน ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ และถอด แกเร็ธ แบร์รี่ออก ส่ง เจอร์เมน เดโฟ ลงมาเป็นกองหน้าเพิ่มอีกคน

พอเบ็คแฮมลงมา และปรับระบบการเล่นเป็น 4-4-2 เกมของอังกฤษเริ่มดูดีขึ้น นาทีที่ 56 โจ โคล เปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ เดโฟถูกกองหลังโครเอเชียดึงล้มลง ผู้ตัดสินให้เป็นลูกจุดโทษ แฟร้งค์ แลมพาร์ด สังหารไม่พลาด อังกฤษตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-2

นาทีที่ 64 แฟนๆในนิวเวมบลีย์ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อมิดฟิลด์เท้าชั่งทองแผลงฤทธิ์ เดวิด เบ็คแฮม เปิดบอลจากทางขวา บอลลอยข้ามหัวกองหลัง ปีเตอร์ เคร้าช์ ใช้อกพักบอลลงแล้วเอี้ยวตัววอลเลย์เข้าไปตุงตาข่าย อังกฤษตีเสมอเป็น 2-2 หนทางเข้ารอบสดใสขึ้นมาอีกครั้ง

แต่พอได้ประตูตีเสมอ อังกฤษกลับผ่อนเกมลงดื้อๆ ปล่อยให้โครเอเชียได้เล่นบอลง่ายๆ นาทีที่ 77 แฟนบอลทั้งสนามก็เงียบกริบ เมื่อ มลาเดน เปทริซ ที่พึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมา ยิงไกลจากนอกกรอบ บอลพุ่งผ่านมือคาร์สันเข้าประตูไปอย่างสวยงาม โครเอเชียขึ้นนำ 3-2

เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย แม็คคลาเรนถอด โจ โคล ออก แล้วส่ง ดาร์เรน เบนท์ ลงมาเป็นกองหน้าเพิ่มอีกคน แล้วก็เกือบตีเสมอได้สำเร็จ แต่ลูกยิงของเบนท์ข้ามคานไปนิดเดียว หลังจากนั้นอังกฤษก็ทำอะไรไม่ได้ ครบ 90 นาที โครเอเชียบุกมาอัดอังกฤษคาเวมบลีย์ 3-2 กระชากตั๋วยูโรรอบสุดท้ายที่อยู่ในกำมือของอังกฤษแล้วแท้ๆ ไปมอบให้กับรัสเซียที่บุกไปชนะอันดอร์ร่าหวุดหวิด 1-0 หน้าตาเฉย

คงไม่ต้องสงสัยนะครับ ถ้าวันนี้จะมีข่าวชายที่ชื่อแม็คคลาเรนตกงาน

ไม่รู้จะโทษอะไรดี โทษแก๊สโซฮอลละกัน 😦

18
พ.ย.
07

อังกฤษดวงแข็ง

หลังจากที่อังกฤษบุกไปแพ้ต่อรัสเซีย 1-2 เส้นทางการผ่านเข้ารอบสุดท้ายยูโร 2008 แทบจะปิดฉากลงทันที อาการเหมือนสิงโตป่วย ใกล้จะสิ้นลมอยู่รอมร่อ มีเพียงยาวิเศษเท่านั้นที่จะช่วยรักษาชีวิตไว้ได้

ยาวิเศษนั้นก็คือ ต้องให้อิสราเอลไม่แพ้ต่อรัสเซีย หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น ต้องเก็บรัสเซียให้ได้ด้วย

แล้วอิสราเอลก็ไม่ทำให้กองเชียร์อังกฤษต้องผิดหวัง จัดการสอยหมีขาวร่วงไป 2-1 โดยประตูชัยของอิสราเอล ได้มาในช่วงทดเวลาบาดเจ็บอีกต่างหาก สร้างความบอบช้ำให้ กุส ฮิดดิ้งค์ไม่น้อย

สถานการณ์ของอังกฤษตอนนี้ เพียงแค่เปิดเวมบลีย์ ยันเสมอโครเอเชียได้ ก็จะลอยลำเข้ารอบทันที หรือถ้าเกิดผีเข้า เอาชนะโครเอเชียเกิน 2 ประตูขึ้นไป ก็จะเข้ารอบในฐานะที่ 1 ของกลุ่ม E อีกต่างหาก

อะไรมันจะดวงแข็งปานนั้น สตีฟ แม็คคลาเรน

12
พ.ย.
07

แมนยูขึ้นนำชั่วคราว, เชลซีสะดุด, หงส์คืนฟอร์ม

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีบอลมันส์ๆให้ดูกันเต็มอิ่มเช่นเคย ในยุคที่ฟุตบอลเป็นธุรกิจเต็มตัว มีผลประโยชน์มหาศาลจากการถ่ายทอดการแข่งขัน จึงมีการจัดคิวแข่งให้มีช่วงเวลาที่สามารถถ่ายทอดได้เยอะๆ โดนเริ่มตั้งแต่หัวค่ำ ทุ่มกว่าๆ เรื่อยไปจนถึงคู่สุดท้ายประมาณตีสาม ใครที่ติดเคเบิ้ลก็ชมกันเต็มคราบเลย

เกมในวันเสาร์ ลิเวอร์พูลที่พึ่งทำสถิติใหม่ในแชมป์เปี้ยนส์ลีกมา กำลังหึกเหิม แล้วก็เก็บชัยชนะเหนือฟูแล่มไปได้ 2-0

รูปเกมนั้นลิเวอร์พูลเหนือกว่าอย่างเก็นได้ชัด ฟูแล่มใช้การตั้งรับเหนียวแน่น แล้วให้มิดฟิลด์ช่วยไล่บอล แต่ว่าก็สู้มิดฟิลด์ของลิเวอร์พูลไม่ได้ โดนดาหน้าเข้าทำประตูอยู่ฝ่ายเดียว แต่ฟูแล่มก็ต้านไว้ได้ จนกระทั่งท้ายเกมโดนทีเด็ดของตอร์เรสเข้าไป เลยต้องแพ้ไปอย่างน่าเจ็บใจ

มากันที่วันอาทิตย์ เชลซีขนผู้เล่นฟูลทีมพบกับเอฟเวอร์ตัน ที่ได้ทิม เคฮิลล์ หายเจ็บกลับมาช่วยทีม โดยเชลซีนำไปก่อนจากดร็อกบาคนเดิม แล้วก็เร่งเครื่องจะบดเอาประตูที่สองให้ได้ แต่มาเจอลูกยิงทีเด็ดของเคฮิลล์ ที่กระโดดฟาดกลางอากาศเหมือนนักตะกร้อไทยไม่มีผิด บอลเข้าไปตุงตาข่าย คูดิชินี่หมดสิทธิ์เซฟ พอยิงเข้าไป เจ้าหมอนี่ก็วิ่งไปรัวหมัดแบบนักมวยทันที (วันเดียว เล่นไป 3 กีฬา :D) จบเกมเชลซีก็เลยเสมอไปแบบน่าเจ็บใจ 1-1

ทางด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขนผู้เล่นชุดใหญ่ต้อนรับการมาเยือนของแบล็กเบิร์น ขาดไปเพียงเวนย์ รูนี่ย์ ที่บาดเจ็บตอนฝึกซ้อม ต้องพักอย่างน้อย 1 เดือน นัดนี้แบล็กเบิร์นใช้จุดเด่นคือความดุดันในแดนกลางเข้ามาบดแมนยู แต่พอเล่นไปได้ซักพัก กลางของแมนยูก็เริ่มคุมเกมได้มากกว่า

แบล็กเบิร์นเกือบได้ประตูขึ้นนำแมนยูไปก่อน แต่ลูกยิงของแซมบ้า ชนสามเหลี่ยมไปเต็มๆ พอไๆม่ได้ประตูขึ้นนำ แบล็กเบิร์นก็โดนสำเร็จโทษโดยโรนัลโด้ ที่โหม่งลูกเตะมุมเข้าไป ถัดมาแค่นาทีเดียว โรนัลโด้ก็บวกลูกที่สองให้แมนยูนำห่างเป็น 2-0

แบล็กเบิร์นพยายามทวงประตูคืนแต่สถานการณ์ก็แย่หนักเข้าไปอีก เมื่อเดวิด ดันน์ มาโดนใบเหลืองที่สอง แบล็กเบิร์นที่เหลือ 10 คนเลยสู้แมนยูไม่ไหว จบเกมแมนยูชนะไป 2-0  ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงชั่วคราว แต้มนำอาเซนอลอยู่ 3 แต็ม แต่แข่งมากกว่าถึง 2 นัด

คืนนี้อาเซนอลจะไปเยือนเรดดิ้ง ถ้าชนะห่าง 2 ลูก อาเซนอลจะกลับมานำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง

05
พ.ย.
07

อาเซนอล-แมนยู กินกันไม่ลง

ผ่านไปแล้วครับ กับฟุตบอลคู่หยุดโลกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อาเซนอลเปิดบ้านเจ๊ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปแบบสนุก 2-2

อาเซนอลเป็นฝ่ายครองเกมบุกเข้าหาแมนยู ต่อบอล ทำชิ่ง นักเตะทุกคนเคลื่อนไหวหาพื้นที่ตลอดเวลา จ่ายบอลสั้นๆ เล่นบอลกับพื้น บอลถูกถ่ายจากเท้าสู่เท้า เมื่อจ่ายบอลออกจากตัวไปแล้ว ก็วิ่งหาช่องเพื่อที่จะไปรับบอลจากเพื่อน เรียกได้ว่าเป็นศิลปะเลยครับ ดูแล้วเนียนตามาก

ส่วนแมนยูก็ลงไปตั้งรับคุมโซนอยู่หน้ากรอบเขตโทษ แนวรับเล่นอย่างรัดกุม คุมพื้นที่ของตัวเองอย่างเหนียวแน่น กองกลางไล่บอล บีบพื้นที่ ไม่ให้อาเซนอลจ่ายบอลได้สะดวก แล้วคอยอาศัยความจัดจ้านของแนวรุก รูนี่ย์-เตเวซ-โรนัลโด้ ใช้เกมโต้กลับทะลุทะลวงเข้าทำประตู

2 ประตูที่ได้มาของแมนยู แสดงให้เห็นถึงความเฉียบคม โอกาสมีไม่มาก แต่เมื่อมีโอกาสแล้ว สามารถเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูได้

2 ประตูที่ได้มาของอาเซนอล มาจากความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ ทีมเวิร์กอันยอดเยี่ยมกดดันให้แนวรับแมนยูที่อาวุโสกว่าสติแตก เสียประตูตีเสมอถึง 2 ครั้ง 2 ครา

จุดอ่อนของอาเซนอลคือผู้รักษาประตู อัลมูเนียแสดงความตื่นเต้นให้เห็นอยู่หลายจังหวะ ประตูที่ 2 ที่เสียก็มาจากการตัดสินใจที่ไม่เด็ดขาดของเค้า

จุดอ่อนของแมนยูก็คือสมาธิ ช่วง 2 นาทีที่ทดเวลาบาดเจ็บ และทีมนำอยู่ 2-1 ชัยชนะอยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว แต่สุดท้ายเสียสมาธิในเกม ปล่อยแต้มหลุดจากมือไป 2 แต้ม

สรุปแล้ว กินกันไม่ลงจริงๆครับ

ทั้ง 2 ทีม มีจุดเด่นที่คู่ต่อสู้ต่างยำเกรง แต่ก็ยังมีจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดอยู่

12 เมษายน 2551 อาเซนอลจะต้องเป็นฝ่ายบุกไปเยือนแมนยูที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดบ้าง ถึงวันนั้นถ้าทั้งคู่ยังสามารถคงความสม่ำเสมอไว้ได้อยู่ มันจะเป็นเกมตัดสินแชมป์ระดับ 6 ดาวเลยทีเดียวครับ

30
ต.ค.
07

เชลซีจมเรือใบครึ่งโหล, แมนยู 4-1, หงส์ปืน 1-1

พรีเมียร์ลีกอาทิตย์ที่ผ่านมาถือว่าเป็นอาทิตย์ที่สนุกมากอาทิตย์นึงเลยครับ

เชลซีในยุคของอัฟราม แกรนท์ โดยมี เฮงค์ เทน ทาท เป็นผู้ช่วย เริ่มเล่นเกมรุกเอนเตอร์เทน ในแบบที่อับบราโมวิชอยากเห็นแล้ว โดยถล่มแมนเชสเตอร์ซิตี้ไปถึง 6-0 เล่นเอาอดีตนายกที่ไปนั่งชมเกมนี้ด้วยทำหน้าบอกบุญไม่รับเลยทีเดียว

ทางด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่น้อยหน้า ถึงแม้ช่วงต้นเกมจะทำเอากองเชียร์นั่งไม่ติดก็ตาม แต่ด้วยการประสานงานของคู่กองหน้า ที่ตอนนี้ยกให้เป็นคู่กองหน้าอันดับหนึ่งของลีก ทำให้เอาชนะเดอะ โบ่โร่ ที่เคยเป็นของแสลงของแมนยูไปได้ 4-1 (ขอบอกว่าเตฟ-รูน สุดยอดจริงๆครับ)

มาถึงคู่บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ ลิเวอร์พูลพบกับอาเซนอล จบเกมเสมอกันไป 1-1 แต่ว่ารูปเกมที่ออกมานั้น ผมว่าลิเวอร์พูลน่าจะแพ้ไปซัก 3-1 หลังจากที่ได้ประตูขึ้นนำจากเจอร์ราดแล้ว เกมของลิเวอร์พูลสู้อาเซนอลไม่ได้เลย โดนเด็กๆของเวนเกอร์ทำเกมรุกอยู่ข้างเดียว ส่วนลิเวอร์พูลต้องเป็นฝ่ายไล่บอลอย่างเดียว พอตัดบอลมาได้ เกมสวนกลับก็โดนอาเซนอลดักไว้ได้หมด ทำอะไรไม่ได้เลย

หลังจบเกมนี้ ลิเวอร์พูลบาดเจ็บอย่างหนัก ตอร์เรสและอลองโซ่ที่พึ่งหายกลับมาลงเล่นก็เกิดบาดเจ็บซ้ำขึ้นมาอีก แล้วมาสเคราโน่ก็บาดเจ็บเพิ่มขึ้นมาอีกคน

ปีนี้ใครเชียร์หงส์ก็ลุ้นกันเหนื่อยหน่อยครับ ผลงานทั้งในลีกและยุโรปย่ำแย่พอกันทั้งคู่

21
ต.ค.
07

หงส์จิกท็อฟฟี่, สิงห์-ปืน กินนิ่ม, ผีดุ

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาบรรดา 4 ทีมยักษ์ใหญ่ของอังกฤษต่างเก็บชัยชนะไปได้รวด

เริ่มมาคู่แรกเป็นเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ลิเวอร์พูลมีนักเตะติดทีมชาติเยอะ อาจเสียเปรียบเอฟเวอร์ตันนิดหน่อยตรงที่ความสด รูปเกมก็เล่นได้สนุกสมกับที่เป็นดาร์บี้แมตช์ เอฟเวอร์ตันที่ได้เสียงเชียร์ของแฟนๆก็สู้ได้สนุกมากๆ ดูแล้ว เกมนี้สูสีกันมาก สมควรที่จะแบ่งกันไปทีมละ 1 แต้ม แต่ว่าโชคชะตาเล่นตลก 2 ใบแดง และ 2 จุดโทษ ทำให้เดอะค็อปได้เฮไป ผมไม่อยากวิจารณ์ว่าเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในเกมนี้ ผิดถูกอย่างไร แต่ในฐานะผู้ที่เสพติดฟุตบอลคนนึง เกมนี้ถือว่าเป็นเกมที่ Classic เกมนึงเลยทีเดียว

การตัดสินใจพุ่งเซฟประตูอย่างสุดสวยของ ฟิล เนวิลล์ นั้น หลายคนอาจคิดว่าไม่น่าทำ แต่ผมกลับมองว่า นี่แหละคือความเป็น Professional ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิด ถ้าเสียประตูนี้ไป คงยากที่จะกลับมาได้อีกแล้ว ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างบอลมันก็จะลอยเข้าประตูไป แต่ถ้าปัดก็เป็นลูกโทษ และคงต้องสังเวยการกระทำนี้ด้วยใบแดงแน่ๆ คิดๆดูแล้ว โดนใบแดงซะตอนนี้ทีมก็ไม่เสียเปรียบอะไรมาก เพราะมันใกล้จะหมดเวลาอยู่แล้ว อย่างน้อยๆก็ยังได้ลุ้นอีกเฮือก ว่าผู้รักษาประตูจะเซฟจุดโทษได้รึเปล่า แต่สุดท้าย การเดิมพันของฟิล ก็ถูกเจ้ามือกินเรียบ 😀

คู่ 3 ทุ่ม ทั้งอาเซนอลและเชลซี ต่างก็ชนะด้วยสกอร์ 2-0 ทั้งคู่

อาเซนอลเกมเหนือกว่าเยอะ แต่กว่าจะต้อนเอาประตูได้ ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน แต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงของทีมที่ได้ชื่อว่า เป็นทีมที่มีนักเตะเยาวชนที่ดีที่สุดในยุโรป เก็บชัยชนะ นั่งจ่าฝูงต่อไป

ส่วนเชลซีในยุคอาฟรัม แกรนท์ ฟอร์มเริ่มดีวันดีคืน ถึงแม้จะมีเรื่องยุ่งๆในค่าย แต่นักเตะมีความเป็นมีอาชีพสูง ตัดเรื่องส่วนตัวและทีมออกจากกัน เก็บชัยชนะได้อีกครั้ง

คู่สุดท้ายของวัน แมนยูไปเยือนอัสตัน วิลล่า เกมนี้เราได้เห็นการประสานงานอันสุดยอดของคู่ศูนย์หน้า รูน-เตฟ ที่ตอนนี้เริ่มจูนกันติดแล้ว เลยสอนบอลให้วิลล่าไปเบาะๆ 4-1 แต่ละประตูเป็นการเข้าทำที่สวยงามทั้งนั้น

18
ต.ค.
07

อังกฤษจะตกรอบคัดเลือกยูโร 2008 ?

ฟุตบอลยูโร 2008 รอบคัดเลือก นัดรองสุดท้ายของทีมชาติอังกฤษ บุกไปแพ้รัสเซีย 1-2 โอกาสตกรอบมีมากกว่า 80%

ตอนนี้นอกจากนัดสุดท้ายที่จะเจอกับโครเอเชียต้องชนะให้ได้สถานเดียวเท่านั้นแล้ว ยังต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจอีกด้วย โดยต้องลุ้นให้รัสเซีย หรือ โครเอเชีย เป็นฝ่ายแป๊กไปเอง

จริงๆเกมนี้อังกฤษเล่นดีใช้ได้เลย ในช่วงครึ่งแรก ปล่อยให้รัสเซียได้ครองบอล แต่ตั้งรับเหนียวแน่น แล้วรอสวนกลับ

อังกฤษได้ประตูขึ้นนำจากการประสานงานของคู่กองหน้า โดยเป็นรูนี่ย์ที่วอลเลย์สุดสวยเข้าประตูไป

แต่ก็เป็นรูนี่ย์ที่ไปทำเสียจุดโทษ ให้รัสเซียไล่มา 1-1 เท่ากัน

มาถึงตรงนี้ ยังไงๆอังกฤษก็ยังได้เปรียบ เพราะเป็นเป้าหมายตั้งแต่แรกอยู่แล้วที่จะมาแบ่งแต้มกลับบ้านไป

แต่สตีฟ แมคคลาเรน ยังคงใช้แทคติกเดิมๆต่อไป ตั้งรับแล้วปล่อยให้รัสเซียได้ครองบอลบุก (ขนาดรูนี่ย์ยังต้องลงมาไล่บอลถึงในกรอบเขตโทษ) จนกระทั่งอังกฤษทานความกดดันไม่ไหว เสียประตูที่ 2 ไปจนได้

หลังจากนั้นแมคคลาเรนก็เปลี่ยนตัวทีเดียว 3 คนรวด โดยเล่นระบบ 3-4-3 ซึ่งผมไม่รู้ว่าได้มีการซ้อมกันมารึป่าว ทั้งการยืนตำแหน่ง รูปแบบการเล่นทั้งเกมรุกและเกมรับ ดูมั่วกันไปหมด วิ่งซ้อนไลน์กันเองบ่อยมาก ตั้งหน้าตั้งตาจะเอาประตูคืน แต่ว่ารนกันไปเอง อีกทั้งนักเตะรัสเซียเล่นเกมเพรสซิ่งได้ดีอีกด้วย

สุดท้ายอังกฤษก็ต้องพ่ายแพ้ไป

เกมนี้อังกฤษมาเยือนด้วยความได้เปรียบหลายอย่าง ทั้งชื่อชั้นของนักเตะ แต้มที่นำอยู่ แถมยังเคยเปิดเวมบลีย์อัดรัสเซียมาแล้วถึง 3-0

ส่วนรัสเซียได้เปรียบที่ใช้สนามหญ้าเทียมที่ฝึกซ้อมกันมาจนชินแล้ว บวกกับเสียงเชียร์ของแฟนบอลเจ้าถิ่น ดูๆแล้วก็หักลบกับข้อได้เปรียบของทางอังกฤษไปพอดี

แต่สิ่งที่ตัดสินเกมนี้และทำให้อังกฤษต้องเสี่ยงกับการที่จะตกรอบคัดเลือก ก็คือ สตีฟ แมคคลาเรน มีกึ๋นน้อยกว่า กุส ฮิดดิ้งค์ นั่นเองครับ

15
ต.ค.
07

ยูโร 2008 รอบคัดเลือก

ช่วงนี้ลีกดังๆในยุโรปหลีกทางให้กับฟุตบอลยูโร 2008 รอบคัดเลือก

วันเสาร์ผมนั่งดูไปทั้งหมด 3 คู่ เต็มอิ่มกันเลยทีเดียว

อังกฤษ 3-0 เอสโตเนีย อังกฤษเอาชนะไปสบายๆ ได้เล่นในบ้านด้วย แต่รูปเกมไม่ดีเลย ถ้าเจอกับทีมที่ชื่อชั้นดีกว่านี้ อาจแพ้คาบ้านไปแล้ว เกมรุกขาดจินตนาการในการเข้าทำประตูอย่างแรง ผมดูอังกฤษในยุค สตีฟ แมคคลาเรน แล้ว พูดได้คำเดียวครับ น่าเบื่อ 😦

อาเซอร์ไบจัน 0-2 โปรตุเกส เกมสนุกครับ โปรตุเกสต้อนอยู่ข้างเดียว นานๆอาเซอร์ไบจันจะได้สวนกลับบ้าง แต่ก็ทำอะไรโปรตุเกสไม่ได้ จริงๆสกอร์น่าจะขาดกว่านี้ ถ้าพวกกองกลางของโปรตุเกสเล่นกันเป็นทีมมากกว่านี้ ทั้งทีมมีแต่พวกขี้เลี้ยงครับ ลีลาสวยงาม แต่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ โรนัลโด้ กับ กวาเรสม่า นี่ตัวดีเลย เลี้ยงกระจุย เพื่อนยืนโล่งๆไม่ยอมจ่าย แต่ฝืนไปทางแคบ แล้วก็โดนดักได้

คู่สุดท้ายรอบดึก ตอนแรกว่าจะไม่ดูแล้ว แต่ก็นั่งดูต่อจนได้

เดนมาร์ก 1-3 สเปน ตอนแรกที่เห็นการจัดตัวของสเปน ดูๆแล้วคงเน้นปลอดภัยไว้ก่อน ใช้ราอูล ตามูโด้ ยืนเป็นหน้าเป้าตัวเดียว แล้วอัดกองกลางลงไปถึง 5 คนด้วยกัน รูปเกมส่วนใหญ่เดนมาร์กครองบอลได้เยอะกว่า โอกาสยิงก็เยอะกว่าสเปน แต่ว่าสเปนเฉียบคมกว่า ยิงเข้ากรอบ 4 ครั้ง ได้ 3 ประตู ส่วนเดนมาร์กใช้โอกาสเปลืองมาก ยิงทั้งหมด 13 ครั้ง เข้ากรอบแค่ 2 ครั้ง สมควรแพ้มั้ยล่ะนั่น

ยูโร 2008 จะกลับมาเตะอีกครั้งในวันพุธที่ 17 ตุลา ไฮไลท์อยู่ที่การแย่งกันเข้ารอบของอังกฤษและรัสเซียครับ

09
ต.ค.
07

Premier League Week 9

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นเกมที่ 9 ของพรีเมียร์ลีก 2007-2008 (มี 6 ทีม ที่พึ่งแข่งไป 8 นัด) จ่าฝูงยังคงเป็นเป็นอาเซนอลเหมือนเดิม นำแมนยูอยู่ 2 แต้ม แถมยังแข่งน้อยกว่าอีก 1 นัด โดยเกมที่ 10 จะกลับมาเตะกันอีกครั้งก็วันที่ 20 ตุลา นู่นเลย เพราะต้องเบรกให้กับทีมชาติ

ต้องขอชมเชยเด็กๆของอาเซนอลชุดนี้จริงๆ ถ้าเล่นได้อย่างนี้ไปเรื่อยๆก็แชมป์แน่ๆ แต่ฤดูกาลยังอีกยาวไกล แชมป์ลีกต้องวัดกันที่ความคงเส้นคงวา ประมาทไม่ได้เลยกับความเคี่ยวของแมนยู และ เชลซี ที่นักเตะมีประสบการณ์สูงกว่ามาก

ที่น่าเป็นห่วงเห็นจะมีอยู่ 2 ทีม คือ ลิเวอร์พูล และ สเปอร์ (สัตว์ปีกทั้งคู่)

สเปอร์นั้น มีบุญแต่กรรมบัง จ่อจะชนะอย่างนี้มาหลายนัดแล้ว แต่ก็มีเหตุให้ชัยชนะต้องหลุดมืออยู่ทุกครั้งไป ไม่ต้องโทษใครอื่น แนวรับเปื่อยยุ่ยมากๆ แล้วผู้รักษาประตูอย่าง พอล โรบินสัน ก็ดันมาเฟอะฟะได้ถูกเวลาอีก กองหน้ายิงไปเท่าไหร่ กองหลังเสียคืนเท่านั้น งานนี้สงสัยมาร์ติน โยล จะไม่รอดแน่ๆ

ส่วนลิเวอร์พูล ถึงแม้อันดับในตารางจะยังไม่น่าเกลียด แต่ว่าเดอะค็อปไม่ปลื้ม ช่วงหลังๆเอาอีกแล้ว หงษ์แถวบ้านผมเริ่มบ่นเรื่องโรเตชั่นอีกแล้ว ฮ่าๆ ไม่รู้ว่าเสียงบ่นเดอะค็อปเมืองไทย จะไปเข้าหูราฟามั่งมั้ยเนี่ย 😀

02
ต.ค.
07

มาร์ติน โยล อยู่หรือไป?

สัปดาห์นี้ ไฮไลท์ส่วนตัวของผม อยู่ที่คู่มันเดย์ไนท์ระหว่าง ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ กับ อัสตัน วิลล่า

หลังจากที่มูรินโญ่ เป็นกุนซือคนแรก ที่โดนเด้งจากพรีเมียร์ลีกอย่างไม่ได้คาดฝันแล้ว คนที่เก้าอี้ร้อนที่สุดในเวลานี้ เห็นจะไม่พ้น มาร์ติน โยล

เกมนี้ถ้าสเปอร์แพ้ โยลก็เตรียมเก็บข้าวของออกจากลอนดอนได้เลย

สเปอร์ออกนำก่อนจาก ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ เกมทำท่าจะดี สีหน้าของโยลเริ่มมีรอยยิ้มได้ไม่ทันไร 3 นาทีต่อมา พอล โรบินสัน ออกมาตัดบอลแล้วลูกหลุดมือ ไปเข้าเท้าของ มาร์ติน เลาร์เซ่น กดตุงตาข่าย ตีเสมอเป็น 1-1

แล้วเลาร์เซ่นคนเดิมก็โหม่งลูกส้มหล่น ให้วิลล่านำ 2-1 แล้วก่อนหมดครึ่งแรก 5 นาที กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ ก็ยิงให้วิลล่านำไปก่อนในครึ่งแรก 3-1

คงไม่ต้องบอกนะครับ ว่าสีหน้ามาร์ติน โยล เป็นยังไง (ฮา)

ครึ่งหลังสเปอร์ก็ยังไม่ฟื้น โดน เคร็ก การ์ดเนอร์ กดฟรีคิกเข้าไปอีก สเปอร์ตามหลัง 1-4 ถึงตอนนี้ กล้องจับภาพระหว่างมาร์ติน โยล กับ แดเนียล เลวี่ ประธานสโมสร สลับกันไปมา ผู้บรรยายภาษาอังกฤษก็ไม่สนใจจะพากย์บอลแล้วครับ พูดถึงแต่อนาคตของโยล ว่าแกจะไปทำงานอะไรต่อไป (ฮาอีกแล้ว)

แต่ว่าลูกทีมยังสู้ครับ ทุกคนยังรักมาร์ติน โยล อยู่ ตั้งเกมบุกแหลก แล้วก็มาตีคืนเป็น 2-4 จาก ปาสกาล ชิมบงด้า

เหลืออีก 10 นาทีจะหมดเวลา วิลล่าก็ลงไปตั้งรับกันทั้งทีมแล้ว นำอยู่ 2 ลูก ดูแล้ว ยังไงๆ 3 แต้มก็ไม่น่าจะหลุดมือ พร้อมกับส่งโยล ไปหางานใหม่

แต่เกมนี้ มาร์ติน โอนีล เปลี่ยนตัวได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มาร์ลอน แฮร์วู้ด ที่พึ่งเปลี่ยนตัวลงมา ไปเตะใส่ ดาร์เรน เบนท์ ในเขตโทษดื้อๆ เลยโดน ร็อบบี้ คีน ยิงจุดโทษไล่มาเป็น 3-4

วิลล่าตั้งรับเต็มตัว ทำท่าจะเก็บ 3 แต้มได้อยู่แล้วเชียว แต่มาโดนทีเด็ดของ ยูเนส กาบูล กดเต็มหลังเท้า บอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยม ตีเสมอในนาทีสุดท้ายของการทดเวลาบาดเจ็บ ช่วยให้สเปอร์รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ในวันที่สโมสรก่อตั้งครบ 125 ปี ไปได้อย่างหวุดหวิด เสมอกันไปสุดมันส์ 4-4

ไม่รู้ว่าแดเนียล เลวี ประธานสโมสรจะคิดยังไง สเปอร์ใช้เงินซื้อนักเตะไปไม่ใช่น้อยๆ แต่ตอนนี้ อยู่อันดับที่ 3 จากท้ายตาราง

ถ้ามองในแง่ของการลงทุนแล้ว Return on Investment ถือว่าห่วยแตกเลยล่ะครับ

25
ก.ย.
07

เมื่อไม่มีมูรินโญ่

บิ๊กแมตช์ของสัปดาห์ แมนยูเปิดบ้านชนะเชลซีไป 2-0

เชลซียุคที่ไม่มีมูรินโญ่ ทั้งๆที่นักเตะชุดเดียวกัน จัดระบบเดียวกันลงเล่น แต่เห็นได้ชัดเจนเลยว่า ขาดศูนย์รวมจิตใจของทีมอย่างมูรินโญ่ไปแล้ว นักเตะแต่ละคนเล่นไม่ดุดันเหมือนเก่า ขาดพลังในการกดดันคู่ต่อสู้ เกมเพรสซิ่งก็ทำได้ไม่ดุดัน พูดง่ายๆว่า ขาดจิตวิญญานที่มูรินโญ่ได้เคยปลูกฝังไว้กับทีมไป

ผมนั่งดูเกมตลอด 90 นาที ถามว่าแมนยูเล่นดีรึเปล่าเมื่อเทียบกับสกอร์ที่ออกมา 2-0 ในฐานะแฟนแมนยูคนนึงบอกได้เลยว่า ยังไม่ดีพอที่จะชนะเชลซีถึง 2-0

เกมนี้เหมือนถูกเขียนสคริปต์มายังไงยังงั้น จะว่าไปก็เหมือนละครฉากนึง

จอห์น เทอร์รี่ ต้องนำลูกทีมมาเจอกับคู่แข่งอย่างแมนยู ในยามที่ทีมกำลังมีผลงานย่ำแย่ และไร้ชายที่ชื่อมูรินโญ่

จอห์น โอบิ มิเกล กบฏในสายตาของสาวกแมนยูหลายคน เข้าเสียบหนัก เจอใบแดง เมื่อเกมผ่านไปได้เพียงครึ่งชั่วโมงกว่าๆ

กรรมการทดเวลาบาดเจ็บในครึ่งแรก 2 นาที แต่แมนยูได้ประตูในช่วงที่ทดเวลาไปแล้ว 3 นาที

แมนยูได้ลูกที่ 2 จากลูกจุดโทษ

ช่างเหมือนละครน้ำเน่าของบางประเทศซะจริงๆเลย อะไรมันจะลงล็อกได้ขนาดนี้

ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า เชลซีจะรวมกันติดได้เมื่อไหร่ ยังไงเสีย The Show Must Go สะออน ครับ 😀

P.S. ส่วนตัวผม วันนี้แมนยูก็เล่นดีนะ ถือว่าทำได้ตามมาตรฐาน แต่อยากรู้จังว่า ถ้าเจอกับมูรินโญ่ ผลจะออกมาเป็นยังไง

20
ก.ย.
07

Spirit of Football

หลังจบเกม UCL รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรกของฤดูกาล แมนยูบุกไปเฉือนชนะสปอร์ตติ้ง ลิสบอน 1-0 จากประตูโทนของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในนาทีที่ 62

สิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจก็คือ หลังจากยิงประตูได้แล้ว โรนัลโด้ไม่ออกท่าทางดีใจอะไรมากมาย นั่นก็เพราะว่า เค้ายิงประตูทีมเก่าของเค้านั่นเอง
โรนัลโด้วิ่งไปยกมือไหว้กองเชียร์ของสปอร์ตติ้ง แล้วก็ยังยกมือขอโทษอยู่อีกหลายครั้ง

ส่วนมากที่ผมดูบอลมา หลายๆครั้งที่นักเตะที่ย้ายทีมไปแล้ว กลับมายิงทีมเก่าของตัวเอง ถึงแม้จะไม่แสดงอาการมาก ก็ยังโดนโห่ แต่ว่าแฟนบอลของสปอร์ตติ้ง ลิสบอน น่ารักมาก นอกจากจะไม่โห่แล้ว บางคนยังลุกขึ้นยืนปรบมือให้อีก

ตอนที่โรนัลโด้ถูกเปลี่ยนตัวออก ไม่ว่าจะเป็นแฟนแมนยู หรือแฟนลิสบอน ต่างปรบมือให้กับโรนัลโด้ทั้งสนาม
หลังจบเกม โรนัลโด้เข้าไปทักทายกับเพื่อนเก่า และสตาฟฟ์โค้ช ที่เคยฟูมฟักเค้ามาสมัยยังเป็นนักเตะเยาวชนของทีม ไปทักทายแฟนบอลรอบๆสนาม แฟนบอลก็ปรบมือให้

นอกจากชัยชนะของแมนยูแล้ว อีกสิ่งหนึงที่ทำให้ผมประทับใจมากๆ ก็คือสปิริตของกีฬาฟุตบอลนั่นเองครับ 😀




พฤษภาคม 2024
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031  

Categories

RSS Soccer News

  • มีความผิดพลาดเกิดขึ้น feed อาจใช้งานไม่ได้ชั่วคราว ลองใหม่อีกครั้งภายหลัง